top of page

“กินกับพีท เที่ยวกับผม พีท พีรพัฒน์”



“กินกับพีท เที่ยวกับผม : พีท พีรพัฒน์” คือหนึ่งในเพจพากินพาเที่ยวยุคแรกเริ่ม จนมาถึงวันนี้กว่า 7 ปีที่ "กินกับพีท เที่ยวกับผม" ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการ Content Creator แม้ว่าจะมีเพจพากินพาเที่ยวใหม่ ๆ ผุดขึ้นมามากมาย วันนี้ G Village Co Creation Hub จะมาเผยเคล็ดลับความอยู่ทนอยู่นาน และจะทำให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร กับพีท - พีรพัฒน์ ตุลยาเดชานนท์ ผู้ที่เป็นทั้งเจ้าของและหัวใจของเพจ "กินกับพีท เที่ยวกับผม"


ก่อนมาทำเพจ พีท-พีรพัฒน์ คือใครเอ่ย?


ก็เป็น พีท - พีรพัฒน์ ตุลยาเดชานนท์ นี่แหละครับ เรียนจบทั้งปริญญาตรีและโทที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งคู่ ตอนจบปริญญาตรีก็ได้ไปทำงานด้านพีอาร์ราว ๆ สองปีก่อน แล้วกลับมาต่อปริญญาโท ระหว่างนั้นก็ลาออกมาเรียนโทเต็มตัว พอเรียนจบก็ออกมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่สามปี ตอนนั้นร้านมันมีปัญหาเรื่องคนเข้า ๆ ออก ๆ เรารู้สึกว่า เราต้องมาปวดหัวรายวันตลอดก็เลิกเลยครับ


เลิกทำร้านอาหารแล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่?


ตั้งแต่ปิดร้านก็มาลุยออนไลน์เต็มตัว ก็เหมือนเป็น Influencer คนหนึ่ง โดยที่ก็มีเพจหลัก ๆ เพจเดียวคือ "กินกับพีท เที่ยวกับผม" นี่แหละ แล้วก็มาเปิดส่วนของเว็บไซต์คือ http://www.eatwithpete.com รายได้จากเพจเองพอที่จะเป็นรายได้หลัก จากตอนแรกเราทำคนเดียวมาตลอด 6 ปีเต็ม แต่ตอนนี้ก็มีเพื่อนเข้ามาช่วย 6 คน เพราะต้องมีการปรับเป็นวิดีโอมากขึ้น ต้องมีคนถ่ายคลิป คนตัดต่ออีก เพราะเราทำเองคนเดียวไม่ทัน



ทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจมาลุยออนไลน์เต็มตัว


ตอนนั้นเราปวดหัวกับร้านมาก แต่งานเพจแบบนี้มันเหมือนจบในตัวเองได้ มันอยู่ที่ตัวเราจะจัดการได้มั้ย โดยที่เราไม่ต้องไปเทรนด์คนใหม่ ไม่ต้องไปดูใครเข้าใครออก ถ้าให้กลับไปทำออฟฟิศก็ไม่อยากทำแล้ว ไม่อยากต้องเข้าออกงานเป็นเวลา และรายได้จากเพจมันก็อยู่ได้ แต่ก็ต้องดูทิศทางต่อด้วย


เรียนจบปริญญาโทแต่ออกมาทำเพจ เสียดายไหม?


ไม่ได้เสียดายมากเท่าไหร่ เพราะจริง ๆ ไม่ได้จะเรียนเพื่อเอาไปต่อยอดในการทำงานอยู่แล้ว แต่อยากให้ที่บ้านสบายใจที่มีวุฒิไว้ แล้วสิ่งที่เราเรียนมาเราก็ได้นำมาใช้กับการพีอาร์ร้านอาหารด้วย จากการเรียนปริญญาโทก็ได้เรียนการบูรณาการทั้งพีอาร์ โฆษณา แล้วก็มาร์เก็ตติ้ง เรารู้สึกว่าได้เอามาใช้ในปัจจุบันจนครบเลย


จุดเริ่มต้นที่ทำให้เป็น “กินกับพีท เที่ยวกับผม” คืออะไร


เวลาไปโบสถ์กับที่บ้านจะชอบกิน MK ตลอดเลยทุกครั้ง เราก็อยากจะเปลี่ยนร้าน หาที่กินใหม่ ๆ บ้าง แล้วที่บ้านก็ชอบให้เราเลือกร้าน เพื่อนก็จะชอบให้เราเลือกร้าน หรือแม้แต่ตอนทำงานออฟฟิศ เขาก็ชอบให้เราเลือก แล้วพื้นฐานเราเป็นคนชอบทานตั้งแต่เด็ก ๆ ช่วงที่เราตระเวนกินก็เริ่มโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพราะอยากจะจดไว้ว่าเราทานที่ร้านไหนไปบ้าง สั่งอะไรแล้วอร่อย ช่วงนั้นก็มีคนไม่รู้จักทักมาถามเกี่ยวกับเรื่องร้านจากเราเยอะมาก เราไม่อยากรับแอดคนไม่รู้จัก เราเลยเปิดเพจ แล้วที่มาใช้ชื่อ "กินกับพีทฯ" ก็เพราะทุกคนชอบให้เราเลือกนี่แหละ พอเปิดขึ้นมาก็ต้องกินกับเราสิ เพราะเราเลือก (หัวเราะ)



ตอนไหนที่ "กินกับพีท เที่ยวกับผม" เริ่มมีชื่อเสียง


หลังจากเปิดเพจคนก็ค่อย ๆ ตามกันมา แต่มีปีนึงเป็นปีที่มี Iron Chef Thailand ปีแรก มีพาร์ทหนึ่งที่เราไปร่วมรายการในช่วงสุดท้าย แล้วเราได้พูดชื่อเพจของเราออกอากาศ ตอนนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นเพจก็ค่อย ๆ โตขึ้นเรื่อย ๆ มีทั้งงานเชิญ งานชวน งานจ้าง งานทำเองอะไรก็เริ่มเข้ามา ทำให้มีการอัปเดตอยู่เรื่อย ๆ ก็เลยมีแฟน ๆ เพิ่มขึ้น พร้อมกับรักษาฐานแฟน ๆ เดิมไว้ด้วย


จุดเด่นที่ทำให้ "กินกับพีท เที่ยวกับผม" แตกต่างคืออะไร


เพราะว่ามีเราเองเป็นตัวนำ มี “พีท” เป็นเอกลักษณ์ของเพจ ทำให้เพจเราดูมีความเฟรนลี่มากกว่าเพจอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้คนในการเดินเรื่อง คนที่มาติดตามเขาก็ได้มาติดตามเรื่องของกินเรื่องเที่ยว แล้วก็เรื่องไลฟ์สไตล์ร่วมด้วย โดยที่เหมือนกับการติดตามเพื่อนคนหนึ่งมากกว่าการติดตามเพจ


องค์ประกอบอะไรบ้างที่ทำให้ "กินกับพีท เที่ยวกับผม" ประสบความสำเร็จ


หนึ่ง น่าจะเป็นเราทำมาก่อนนานแล้ว คนเลยจดจำเราได้ แล้วก็อาจจะด้วยความกว้างของการนำเสนอของเรา ที่นำเสนอตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงอาหารบนโรงแรม มีเที่ยว มีไลฟ์สไตล์ มันทำให้โอกาสที่จะมีงานเข้ามามันกว้าง อีกอย่างคือ การนำเสนอแบบมีคนเดินเรื่อง เพราะเพจอาหารส่วนมากจะมีแต่อาหาร แต่เพจเรามีคนด้วย มีพีทเองที่มาพูดคุยด้วย ทำให้คนจดจำเรา ไม่ว่าอีกหน่อยเราจะเพิ่มช่องทางไหน คนก็ยังสามารถติดตามเราไปได้ นอกจากนั้น เราว่าเราผสมระหว่างงานที่เราคิดเอง อยากพาไปกินเองกับงานจ้าง มันทำให้เรามีเนื้อหาที่หลากหลาย



ปรับตัวอย่างไรในยุคที่เพจอาหารและท่องเที่ยวมีมากมาย


เราก็ปรับตัวตามแต่เหตุการณ์เลย เพราะงานออนไลน์เป็นงานไว เมื่อก่อนเพจเรามีแต่ภาพนิ่ง แต่พอเทรนด์วิดีโอมันมา เราก็ลองปรับตามดู มันคือการที่เราจะต้องตามรูปแบบการนำเสนอให้ทัน ปีนี้การมีคนเดินเรื่องก็เริ่มมาแรงแล้ว


ถ้าให้ตั้งชื่อเพจใหม่ไม่ใช่กินกับพีท แล้วกินกับอะไรดี


มันต้อง "กินกับพีท" เท่านั้น เพราะพีทเป็นคนพาไปกินนี่หน่า ไม่งั้นถ้าไม่ใช่กินกับพีท ก็คิดว่าคงไม่ต้องมีเพจไปเลยดีกว่า (หัวเราะ)


วางอนาคตของเพจไว้อย่างไรบ้าง


ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นบริษัทที่มีทีมเล็ก ๆ ทีมหนึ่งที่รับทำรายการอาหารที่หลากหลาย และเพจก็ตั้งใจว่าจะทำเป็นกึ่งรายการขึ้นมา ไม่ได้เป็นบล็อกเกอร์ที่ทำคนเดียวแล้ว นอกจากนั้นอาจจะมีการขายงานมากขึ้น แล้วกระจายงานออกไปทำเอเจนซี่ร่วมด้วย เนื้อหาอาจจะมีเพิ่มการรีวิวเกี่ยวกับของเล่นที่ลูกเพจเริ่มรู้ว่าเราชอบ แล้วก็เพิ่มเรื่องเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ แต่ปลายทางจริง ๆ ของชีวิตคืออยากเปิดพิพิธภัณฑ์ของเล่นที่เราสะสมมาทั้งหมด พร้อมกับมีร้านอาหาร มีคาเฟ่อยู่ในที่เดียวกัน

ดู 8 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page