“ก้าวต่อไปของเบ๊น อาปาเช่”

โลกออนไลน์ยุคปัจจุบัน มี Influencer หน้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งหนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของ ‘อาม่า’ แห่งเพจ Benz Apache - เบ๊น อาปาเช่ อย่างแน่นอน ถึงแม้วันนี้อาม่าจะทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะอยู่ในความทรงจำให้ลูกเพจได้ติดตาม แต่คุณเบ๊นหลานชายผู้ก่อตั้งเพจยังคงสานต่อการเป็น Creator สร้างสรรค์ความสุข และเป็นกระบอกเสียงให้สังคมหันมาใส่ใจผู้สูงอายุกันมากขึ้น
ตอนนี้เพจ Benz Apache มีโปรเจกต์อะไรที่กำลังทำอยู่บ้าง
ถ้าถามถึงตัวเพจ ผมก็ยังคงยึดแนวครอบครัวเป็นหลักครับ สมาชิกจะประกอบไปด้วยแม่ ลูก ภรรยา และสุนัขของผมที่เลี้ยงอยู่ ส่วนถ้าเป็นโปรเจกต์ของตัวผมเอง ตอนนี้ก็จะมีที่กำลังเป็นผู้จัด ทั้งเล่นเอง กำกับและเขียนบทเองด้วย ในอนาคตผมก็อยากเปิดเฮ้าส์ เป็นเจ้าของโปรดักชั่นของตัวเองครับ
ทิศทางของเพจในอนาคต หลังจากไม่มีอาม่าแล้ว
ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า 98% ของแฟนเพจคือคนที่เข้ามาดูอาม่า คือเราก็ไม่ได้น้อยใจนะ เราเป็นครีเอทีฟ เรารู้อยู่แล้วว่าอะไรขายได้ อะไรขายไม่ได้ คนดูต้องการดูอะไร ซึ่งการขายคอนเทนต์ตลก ๆ แบบตัวผมเนี่ยมีเยอะ แต่เพจที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุมันน้อย คนส่วนใหญ่ที่มาไลก์ก็คืออินกับความรัก ความเป็นครอบครัว การมาเล่นอะไรดาร์ก ๆ แบบเป็นตัวผมเอง คนดูจะไม่ชอบ ก็เลยกลับมาทำคอนเทนต์ครอบครัวเหมือนเดิม กับลูกเพจบางคนเหมือนเค้าเติบโตมาพร้อม ๆ กันกับเรา ติดตามเรามาตั้งแต่ตอนยังไม่มีแฟน จนมามีเเฟน แต่งงาน มีลูก มันก็จะมีความผูกพันธ์กันและกันครับ

คิดยังไงกับการได้เป็นกระบอกเสียงให้ผู้ติดตามหรือลูกเพจหันมาใส่ใจผู้สูงอายุกันมากขึ้น
ก็รู้สึกดีใจนะครับ มันก็คุ้มค่าที่จะทำ คือผมมีคนติดตามทั่วโลก ทั่วโลกในที่นี้คือคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ แบบว่าแต่งงานกับสามีฝรั่งแล้วก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศครับ จำได้ว่าประมาณเมื่อสองปีที่แล้ว มีอยู่คนนึงส่งข้อความมาหาในเพจ บอกว่าติดตามผมแล้วคิดถึงบ้าน เห็นอาม่าแล้วคิดถึงคุณแม่ของตัวเอง ความตั้งใจของคุณพี่คนนี้คือตั้งใจจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก ไปตั้งรกรากอยู่ที่นู่นถาวร พอเวลาผ่านไปเค้าก็ส่งรูปมาให้ดู คือเดินทางกลับมาบ้านที่จังหวัดกาฬสินธุ์ กลับมาหาแม่แล้วพาสามีชาวต่างชาติมาด้วย อะไรแบบนี้จะเยอะครับ บางคนผู้สูงอายุที่บ้านเสียไปแล้ว พอมาดูเพจเราแล้วรู้สึกรักครับ ก็รักเหมือนอาม่าตัวเอง บางคนไปไหนมาไหนกับผู้สูงอายุแล้วอาย แต่ถ้าได้ลองเปิดใจก็จะพบว่าการทำกิจกรรมกับผู้สูงอายุที่บ้านบ่อย ๆ ช่วยลดช่องหว่างระหว่างวัยด้วย ช่วยสร้างความสัมพันธ์กับคนในบ้าน ก็รู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสถาบันครอบครัวครับ อย่างส่วนตัวผมเติบโตมาก็เห็นอาม่าเป็นคนดุ พอแกเริ่มมีอายุมากขึ้นก็อยากหาอะไรทำให้แกมีเสียงหัวเราะ ก็ทำอะไรตลก ๆ ร่วมกัน อาม่าเค้าก็กลายเป็นคนใจดีขึ้นจากที่ดุ ๆ เพราะผมเชื่อว่าคนแก่ยิ่งอารมณ์ดีมีความสุข ยิ่งอายุยืน หัวเราะเยอะ ๆ ช่วยให้ร่างกายแข็งเเรงขึ้นแน่นอน อย่างตอนนี้ก็เริ่มเห็นคนในโซเชียลเล่นกับคุณแม่กันมากขึ้น อย่างเมื่อก่อนผู้ชายจะรู้สึกว่า คำว่าลูกแหง่มันรุนเเรงมาก ไม่ชอบการโดนล้อ ซึ่งสังคมไทยก็เปลี่ยนไปในทิศทางดีขึ้น family man ปรากฎตัวกันเยอะขึ้นในโลกออนไลน์ ในโซเชียลคนก็กดไลก์กัน แล้วตอนที่เริ่มต้นเพจนี้ ในเมืองไทยก็ยังไม่มี ก็น่าจะต้องเป็นเพจเราเป็นที่แรก ๆ ที่คนติดตามแล้วให้ความสนใจเรื่องผู้สูงอายุ

อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญของ Benz Apache คือความเป็นกันเองกับลูกเพจ คอยตอบคอมเมนต์ตลอด คิดว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุมั้ยที่ทำให้คนติดตามเยอะ
ใช่ครับ เพราะสิ่งที่สำคัญเลยคือตลอดเวลาที่ทำเพจ 3-4 ปีมานี้ เราไม่เคยมีดราม่าเลย ผมจะยึดคติเสมอว่าเวลาโดนคอมเมนต์ติ ด่า หรือวิจารณ์ ผมจะไม่ตอบโต้ เพราะผมไม่อยากมีปัญหา มีแต่คอมเมนต์ขอบคุณด้วยซ้ำ เราคือเพจที่ให้ความรู้สึกในเเง่ของครอบครัว ก็จะยึดตรงนี้ไว้ ผมจะแสดงตัวให้เข้าถึงง่าย ผมไม่ใช่ดารา ทุกวันนี้ที่มีคนรู้จักขนาดนี้ ผมก็มองว่ามันเป็นโบนัสในชีวิตมากกว่า โอกาสที่เข้ามามันค่อนข้างเกินฝันมาก ๆ แล้วด้วย
เคล็ดลับสำหรับคนที่เริ่มแสดงความรักกับผู้สูงอายุ แต่ยังรู้สึกเขินอาย
กอดครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือการกอด อย่ารอให้เวลาผ่านไป อย่างผมสนิทกับอาม่ามาก แต่ไม่ค่อยได้บอกรักกัน ไม่ค่อยได้กอด ที่เห็นว่ากอดกันบ่อย ๆ คือเป็นการทำงาน เป็นรูปจากการทำงาน กอดกันครั้งสุดท้ายคือวันที่ท่านเสีย ทุกวันนี้เวลาเดินผ่านรูปท่านก็ยังอธิษฐานถึงตลอด อยากเจออาม่าอีก อยากกอดท่านได้เหมือนเดิมบ่อย ๆ ก็อยากให้ทุกคนคิดทบทวนให้ดีครับ ถ้าพรุ่งนี้เราไม่อยู่เเล้ว เราจะทำอะไร อย่ามีอะไรค้างคาให้รู้สึกเสียดาย ก็ปฎิบัติต่อเค้าให้ดีที่สุดก่อนที่จะไม่มีโอกาส

ตอนนี้เพจมีหนึ่งล้านกว่าไลก์แล้ว เป้าหมายต่อไปคืออะไร
ตอนนี้ผมมีลูกแล้วครับ จากเมื่อก่อนที่ทำเพจแค่เพื่อสนุก ๆ หลังจากนี้ก็ต้องยึดเป็นหลัก เป็นอาชีพของตัวเอง กลายมาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน กลายเป็นนามสกุลของเราอีกอย่างนึงที่เวลาไปไหนมาไหนคนก็รู้จักเราในชื่อนี้แทน จะทำอะไรก็ต้องรักษาชื่อนี้ไว้ รักษาสิ่งดี ๆ ไว้ เป็นตัวอย่างให้สังคมในเรื่องครอบครัวแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ