top of page

บิลลี่: แพสชั่น ความฝัน ความจริง



“อยากเป็นร็อคสตาร์ใช่มั้ย เดี๋ยวก็ได้เป็น”


นั่นคือคำพูดที่บิลลี่ ณัฐดนัย ชูชาติ หรือ เจ้าของแชแนล BILLbilly01 บน Youtube อยากจะกล่าวกับตัวเองในวัยสิบเจ็ดปี ก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือทำคลิป Cover เพลง จนเรียกความสนใจจากผู้คนในทั่วทุกมุมโลกบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค ในอีกไม่กี่ปีต่อมา และเขากำลังพาเราย้อนกลับไปมองเส้นทางตั้งแต่เริ่มจนถึงวันนี้.. ในวันที่ความรักและความฝันมาพบเจอกันจนกลายเป็นความจริง



จุดเริ่มต้นแรกในการโพสต์คลิปลง Youtube คือตรงไหน ?


คลิปแรกที่ลง Youtube คือตอนอยู่ชั้น ม.4 ตอนนั้นคนบ้านเรายังไม่ค่อยโพสต์ แต่คนเมืองนอกเขาก็มี Community บน Youtube ที่ใหญ่แล้วเหมือนกันนะ ตอนนั้นที่รู้ว่ามันใหญ่เพราะคลิปเต้นเรามีคนดูเยอะมาก เลยรู้ว่าเออว่ะ Youtube เนี่ย มันมีคนดูเยอะแฮะ สมัยนั้นก็มีล้านวิวแล้ว แต่เป็นฝรั่งหมดเลย

อะไรคือจุดพลิกผันให้เปลี่ยนจากการเต้นมาเป็น Cover เพลง


มันแค่อยากลอง แล้วพอได้ลองปุ๊บ เราก็สนุกกับการทำเพลง แล้วก็มีอะไรบางอย่าง เมสเสจบางอย่าง ที่เราสื่อได้มากกว่าเต้น แล้วตอนนั้นเต้นมันตันๆ ด้วย ก็เลยลองเปลี่ยนเลย คิดอย่างงั้นเลย รู้สึกแบบว่าเป็นการเลือกที่จะเสี่ยงเหมือนกันตอนนั้น แต่เราเชื่อว่าเรามีอะไรดีๆ มาได้ก็ต้องเสี่ยง



เมสเสจบางอย่างที่ว่าคืออะไร ?

การเต้นมันคือการครีเอทภาพโดยใช้ร่างกาย บวกกับเทคนิคการตัดต่อนิดหน่อย ที่ช่วงนั้นเราชอบเล่น ช่วงหลังๆ จะมีเทคนิคถ่ายภาพเยอะ มันจะค่อนข้างแบบ บางอันเป็น Art Film เลย พอทำเพลงมันจะ Abstract กว่า คือเราจะไม่ได้ทำเพลงเป็นภาพแล้ว แต่ทำเพลงเลยมันคือแก่นของคลิปด้วยซ้ำ ก็เลยเอาสกิลที่ตัดต่อ ทำวิดิโอโปรดัคชั่น บวกกับเต้นด้วย แบบวิชวล มาเสริมตรงนี้ แล้วเราก็ขุดไปทำ ไปทำเพลงมันเลย ทำเพลงในสไตล์ที่อยากทำ แล้วก็ทำภาพเสริมออกมาด้วย ก็รู้สึกสนุกดี มันสื่อสารได้ร้อยจริงๆ

เริ่มต้นทำเพลงบน Youtube ยากมั้ย ?

การทำเพลงที่โพสลงตอนปี 1 มันไม่ใช่ครั้งแรกของเรา เราก็ทำมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เก่ง ถ้าย้อนไปอีกจะเห็นคลิปเราทำเพลงทุกวันคริสต์มาสทุกปี เป็นเพลงคริสต์มาส เวอร์ชั่นพังก์ เพราะเมื่อก่อนชอบเพลงพังก์

เริ่มทำเพลงครั้งแรกตอนไหน

ม. 4 เทอมสอง หรือ ม.5 ประมาณนี้ครับ



แล้วจุดเริ่มต้นแรกในการทำเพลง Cover คืออะไร?


ช่อง BILLbilly01 เริ่มทำเพลง Cover ตัวแรกเลย คือ เพลง Roar ของ Katy Perry กับเติร์ด (อนุโรจน์ เกตุเลขา - เพื่อนร่วมวง TillyBirds ของบิลลี่) เพราะเราแค่อยากลองทำ Cover และบอกตัวเองว่าอยากทำมันให้ดีที่สุด ก็คือนำเพลงมา Re-Arrange ใหม่ ทำภาพให้ดี ร้องดีๆ ให้คนดูว้าวที่สุดที่ทำได้ ก็เลยออกมาเป็นแบบนั้น พอทำแล้วก็สนุก เลยทำอีกเรื่อยๆ

แล้วทำไมนักร้องคนแรกถึงเลือกเติร์ด TillyBirds


เพราะรู้จักมานานแล้ว แล้วก็รู้ว่าถ้าเรียกแล้วมันต้องมา ก็เลยโอเค ร้องสากลได้ก็เลยลองดูนั่นแหละ คิดว่ามันทำได้ แล้วมันก็ทำได้จริงๆ ก็เลยทำกับมันมาตลอด จนกระทั่งมีคนอื่นบอกว่าอยากทำบ้าง ตอนนี้ก็เรียกว่าคอมมิวนิตี้ได้เหมือนกัน

คอมมิวนิตี้นักร้องของพี่บิลลี่คือใคร ?


คือคนที่มาร้องกับเรา มันไม่ใช่คอมมิวนิตี้ขนาดนั้นหรอก มันเรียกได้เพราะตอนที่เราถึง 1,000,000 Subscribers ก็มีปาร์ตี้ ฉลองกัน ก็ให้ทุกคนมาเจอกัน ส่วนใหญ่เขาก็รู้จักกันบ้าง แต่หลังจากงานนั้นก็รู้จักกัน ตอนเห็นทุกคนมารวมกันก็ดีใจนะ รู้ว่าทุกคนมาฉลองกับเรา ดีใจที่มาถึงตรงนี้หลังจากผ่านมาสี่ปี แล้วก็เห็นทุกคนรู้จักกันเยอะ เห็นชมกันไปชมกันมา ก็เออ ทุกคนเห็นบน Youtube แต่วันนี้มาเจอกันแล้ว ก็รู้สึกดีใจ บางคนมันก็หาตัวยาก

อะไรพาเรามาถึง 1,000,000 Subscribers ได้ ?


เราว่ามันคือการที่เราคงเส้นคงวาในคอนเทนต์เรา แล้วไม่หยุดพัฒนามันด้วย คงเส้นคงวาหมายถึงการอัพโหลด เราอัพโหลดทุกวันเสาร์ แล้วก็ทุกวันเสาร์จริงๆ จะพยายามบ้างนิดหน่อย แต่ก็จะบอกคนดูตลอดว่าเราจะพยายามคงตรงนี้ไว้ตลอดให้ได้ แล้วเชื่อว่าตรงนี้มันสำคัญกว่าที่คิดมาก



ตอนนี้ที่กำลังทำวง TillyBirds (ร่วมกับเติร์ดและไมโล) ยังอัพคลิปทุกวันเสาร์อยู่มั้ย ?


ทำอยู่ครับ แต่ว่าก็จะไม่ได้มีคลิปพิสดารผาดโผนมาบ่อยเท่าแต่ก่อน อย่างช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตอนนั้น TillyBirds ยังเงียบๆ อยู่ เราก็เลยมีคลิปประหลาดๆ โผล่มาเยอะ ช่วงปลายปีก็เหมือนกัน ก็เลยมีอะไรประหลาดๆ เยอะมาก เช่น เพลงไทยแมชอัพเพลงอังกฤษ 2017 Medley Cover เพลงเกาหลีเพลงแรก แล้วก็ Coldplay Medley จากเสียงรถ



เสียงตอบรับที่มีให้คลิปแปลกๆ เป็นยังไง

คนก็จะชอบครับ อย่างคุ้กกี้เสี่ยงทายที่เติร์ดร้อง เราก็เปลี่ยนให้มันเป็นอีกเวอร์ชั่นเลย คนก็ทึ่งเหมือนกัน เราก็ดีใจที่ได้เปิดมุมมองคน เพราะคนก็ไม่ค่อยรู้จักแนวที่เราทำ ยิ่งคนที่ฟังคุ้กกี้เสี่ยงทายอยู่แล้ว ยิ่งไม่รุ้จักเลย แล้วพอเขาฟังเพลงที่เขารู้จัก ในอีกเวอร์ชั่นนึง แล้วเขาเกิดพิมพ์ขึ้นมาว่า นี่เรียกว่าเวอร์ชั่นอะไรหรอคะ เราก็โอเค อย่างน้อยเราทำให้คนไทย หนึ่งล้านวิว ได้รู้จักเพลงแนวใหม่ อย่างน้อยบ้านเรามีสีสันใหม่ เราก็ดีใจแล้ว

จุดหมายในการทำเพลงของเราในตอนนี้คืออะไร

ยากแล้วนะ เพราะเราค่อนข้างแบ่งตัวตนไปหลายเสี้ยว อย่าง BILLbilly01 ก็จะมี Vision หนึ่ง Tilly Birds ก็อีก Vision หนึ่ง ด้านโปรดิวซ์เราก็จะขึ้นอยู่กับกับ Vision คนอื่น อย่างตอนนี้เราเป็นโปรดิวเซอร์ให้อลิน ซึ่งกำลังจะออกอัลบัมกับ LOVEis สำหรับ BILLbilly01 มันค่อนข้างเป็นการนำเสนอความแปลกใหม่ บางครั้งจะสุดขั้วเลยอย่างที่เห็น แต่เราจะคงความ เรียบง่ายไว้ใน BILLbilly มันจะเรียบง่ายตลอด อย่างอีดีเอ็มงี้ ก็จะเป็นอีดีเอ็มที่ Simple มากๆ จะออกมาแค่แก่นของความเป็นอีดีเอ็ม ถึงอีดีเอ็มเดี๋ยวนี้จะชอบใช้ไฟสี ใช้เลเซอร์ แต่เราจะมาเป็นแค่หลอดไฟ แล้วกระพริบให้เป็นอีดีเอ็ม ด้วยดนตรีก็เป็นอีดีเอ็มที่ส่ง และพวกแฟชั่นก็จะเป็นแบบมุมมองเราต่อแนวเพลงต่อเพลงนั้นๆ ซึ่งนำมาดัดด้วยความเรียบง่าย ให้เหลือแค่แก่น แล้วสื่อมันออกมาให้ดูได้จริงๆ มันอาจจะลึกกว่าเพลงต้นฉบับในบางเพลง Tilly Birds ซึ่งเป็นวงที่กำลังทำอยู่ มี Vision คือ อยากสร้างลัทธิของอารมณ์ คือเวลาก่อนขึ้นคอนเสิร์ต เราจะบูมกัน แล้วตั้งใจว่าเราจะเผยแพร่อารมณ์ของเรา ให้คนในฮอล์เข้าถึงอารมณ์นั้นอย่างแท้จริง เหมือนเป็นลัทธิบางอย่าง ของอารมณ์บางอย่าง ให้คนฟังเพลง Tilly Birds ตกลงไปในอารมณ์นั้น อย่างเพลงเศร้า ก็แบบเศร้าจริงๆ เพลงหงุดหงิดบ้าบอก็ต้องบ้าตามจริงๆ โดยเราไม่ต้องชวนเขามาบ้า ไม่ต้องชวนเขามาเศร้า แต่เขาต้องเศร้าตาม

ดังนั้นเบื้องหลังของการแสดง การอัดคลิป ทุกอย่างก็คือการกำหนดวิชั่น ?

มันจะมีบางอย่างตั้งอยู่ เราจะไม่ได้เห็น Tilly Birds ไปทำแนวอื่น จริงๆ ก็ไม่ใช่แนวอื่นหรอก แล้วก็ไม่ใช่แบบเดิมๆ แต่เราต้องทำแล้ว ปั้ง! คนฟังต้องรู้แล้วว่านี่คือ Tilly Birds มันคือสัญลักษณ์บางอย่างที่ต้องออกมา บิลบิลลี่ก็เหมือกนั แบบอีดีเอ็มยังไงให้เป็นบิลบิลลี่ เราก็จะชอบให้เพื่อนฟังอีดีเอ็มฟัง จนกระทั่งเพื่อนบอกว่า กลองอันนี้แหละ บิลบิลลี่ อย่างกีต้า ฟังแบบดึ่งดึ้งดึ่งดึ้ง ก็รู้เลยว่านี่แหละ ทิลลี่เบิร์ด มันเป็นซาวด์บางอย่าง สำหรับเราเราจะอิงตรงนี้เยอะเหมือนกัน ในด้านรวมๆ ก็จะอิงจากที่บอก จะคิดงานเริ่มจากตรงนี้ แล้วก็แตกไปถึงทุกอย่าง แฟชั่น อาร์ตไดเรคชั่น อะไรเงี้ย



อาร์ตไดเรคชั่นใครเป็นคนดู ?


ถ้า BILLbilly01 เราทำคนเดียวหมดเลยครับ นอกจากเป็นงานใหญ่อย่างเช่น แมงมุม ก็จะมีคนช่วยเรื่องไฟ อย่างเรื่องแฟชั่นพี่ก็จะเป็นคนทำเอง กับอลินนิดหน่อย ก็ช่วยๆ กันเองสองคนนั่นแหละ แต่เรากับอลินดันอินอะไรคล้ายๆ กันมาก เราเป็นคนอินแฟชั่นแบบโกธิค 80 หาว่าปัจจุบันโกธิค คืออะไร ก็ลองแต่งดู แล้วก็ผสมอีดีเอ็มกับไฟมัน ก็เลยได้เป็นแมงมุมออกมา ถ้ามีเพลงต่อไปก็จะคงคอนเซ็ปต์นี้ไว้เหมือนกัน ในความโกธิค ไม่ค่อยอินสตรีทแวร์ เราไม่ใช่คนชอบตามเทรน

สตูดิโอในการถ่ายคลิปอยู่ที่ไหน


สตูดิโอในการทำคลิป คือห้องรับแขกครับ คือพี่จะรอกลางคืนเลย รอฟ้ามืดมันก็มืดแล้ว ปิดม่านทุกอย่าง ปิดไฟทั้งบ้าน แล้วแค่วางไฟให้ถูกที่แค่นั้นเอง เวลาถ่ายจริงๆ พี่ใช้ไฟไม่เกินสองตัว เพราะเราชอบถ่ายนักร้องกับตัวเองแยกกัน เพราะว่ามันจะได้เป็นฟีลสลับกัน บางอันก็อยู่ด้วยกัน มันแล้วแต่อันนะ ก็นั่นแหละ ส่วนใหญ่ใช้ไม่เกินสอง ก็ชอบภาพสไตล์นั้น แล้วทำก็รู้สึกว่าก็สวย ประมาณนั้น

อะไรคือเทคนิคการจัดไฟ ?


ไฟของเราเองก็ไม่ได้เพอร์เฟ็กต์มาก แต่ว่ามันก็มีภาพที่พอเห็นว่าโอเค ลองจัดไฟแบบนี้ดู ครั้งแรกก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจัดยังไง แต่โอเค จัดให้หน้ามันสว่างอะ แล้วก็อยากให้มันมืดๆ หน่อย ก็ทำยังไงก็ได้ แบบอะลองยืนห่างกำแพงซิ ส่องไฟไปหน้าเติร์ดหน่อย แล้วก็โอเค หน้ามืดแล้ว แต่มันดูแบน เรามีไฟอีกตัวนึงพอดี ก็ลองส่องย้อนขึ้นมา ก็แบบสวยดี เนี่ยมันคือการทดลอง พอลองทดลองปุ๊บ ดูใกล้อง เห็นภาพ เห็นภาพรวม ถ่ายตามเรื่อยๆ จนมันครบ ส่วนใหญ่จะประมาณนี้ โพรเซสของเราจึงเป็นฟังเพลงแล้วทดลองบางอย่าง หรือหลังๆ ก็จะไม่ค่อยได้ทดลอง แต่เห็นภาพเลย แล้วค่อยทดลองตอนถ่ายทีหลัง แต่เราก็ชอบการทดลองนะ เพราะมันจะได้อะไรใหม่ๆ ตลอด สุดท้ายคือฟังเพลงเห็นภาพ ถ่ายภาพตามภาพที่เห็น


ห้องอัดของเราอยู่ที่ไหน


ห้องอัดคือห้องนอนครับ

แล้วทำไมเสียงถึงชัดขนาดนี้


มันคือเทคนิคที่เราใช้เฉยๆ ก็แค่รู้จักเครื่องมือตัวเอง เอามาบิด มาดัดแปลงให้มันสวยที่สุด ตามภาพที่เราเห็น ตามเสียงที่เราได้ยินในหัว แต่มันมีข้อดีนะ การอัดในห้องนอนคือนักร้องจะสบาย เขาจะเป็นกันเอง ตรงนั้นแหละที่เราจะได้อะไรที่บางครั้งห้องอัดที่อัดจริงจังให้เราไม่ได้


ใช้เวลาอัดเพลงนึงนานเท่าไหร่


มีตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงจนถึงยี่สิบชั่วโมง มีหมดเลย แล้วแต่ความบ้าระห่ำ ความเก่ง โชคชะตา เช่นแอร์พังก็จะอัดช้าลง มันมีแอร์เสีย เช่น See You Again แอร์เสีย หงุดหงิดมาก ไม่เสร็จสักที เพราะมันร้อน แล้วก็ความเก่ง เช่น พี่วี (วิโอเล็ต วอเทียร์) เคยทำได้ชั่วโมงเดียว พออัดเสร็จแล้วแล้วพี่วีบอกว่า “ขออีกรอบนึง” แล้วเป็นเทคเดียว แล้วเทคนั้นแหละคือเทคที่ใช้ มันดีมาก ส่วนนักร้องใหม่ๆ เราจะให้เวลานิดนึง บางครั้งเราไม่คลิกกัน บางคนไม่ค่อยอัดเพลงบ่อย ต้องใช้เวลา


เราไม่ได้จบดนตรีมาโดยตรง อะไรทำให้เรามาได้ไกลจนเป็นโปรดิวเซอร์


เราเชื่อว่าดนตรีหรือฟิล์มที่เรียนอยู่ ไม่ต้องเรียนก็ได้ มันแค่ต้องรักมันจริงๆ แต่ว่ารักพอ รักแล้วต้องเข้าใจ ต้องศึกษามันอย่างลึกซึ้ง เอาจริง เราว่าเราเรียนฟิล์มมันถูกมากๆ เพราะว่าเราทำฟิล์ม มันเลยทำให้ดนตรีของเรามันมีสองมิติขึ้นมา แล้วเราก็ชอบอย่างอื่นด้วย มันเลยเพิ่มขึ้นมาเป็นสองมิติ สามมิติเข้ามา เราเลยเป็นนักดนตรีที่กว้าง เพราะเราไม่ได้มองมันเป็นดนตรี แต่เรามองมันเป็นสื่อทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียว เพราะเรามองมันเป็นทั้งภาพและเสียง ฟังเสียงปุ๊บจะเห็นภาพ มองภาพจะเห็นเสียง

อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังจะทำตามความฝัน


ช่วงนี้เรารู้สึกมีประเด็นกับการทำตามความชอบ หรือแม้แต่กล้าจะทำตามสิ่งที่ชอบ เรารู้สึกว่าสุดท้ายแล้ว การที่จะไม่แคร์และแค่ทำตามสิ่งที่ชอบ สำหรับเราถ้าทำตามมันได้ ก็จะรู้แล้วแหละว่าชอบอะไร ขอแค่ให้ทำตรงนั้นต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็ให้ทำเพราะจากความชอบจริงๆ ถ้าเราทำจากความชอบจริงๆ มันจะไม่มีอะไรเป็นสิ่งตอบแทนได้มากกว่าการที่เราได้ทำมันแล้ว แล้วก็ไม่กลัวที่จะทำมันในชีวิต สักวันนึงมันจะมีทางออกของมันเอง อยากให้แค่ลองทำ และออกไปทำจริงๆ ไม่ต้องรออะไร แค่ฟังตัวเองว่าชอบอะไรแล้วทำมันออกมา ทำแบบไม่ต้องสนใจอย่างอื่นเลย ถ้าถึงขั้นนั้นแล้ว เราทุ่มชีวิต ทุ่มเวลาให้มัน เราเชื่อว่ามันจะมีทางออก และมีสิ่งตอบแทนที่เราคาดไม่ถึงแน่นอน ขอให้เชื่อมัน และขอให้ทำมัน เพราะเราอยู่ตรงนี้ได้เพราะความเชื่อตรงนี้แหละ


ดู 2 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page