“เพจไร้สาระ อารมณ์ดี มากับมุกตลก ที่อ่านจบต้องพูดว่า ‘เ_ี้ยไรเนี่ยยย!!’

“เพจไร้สาระ อารมณ์ดี มากับมุกตลก ที่อ่านจบต้องพูดว่า ‘เ_ี้ยไรเนี่ยยย!!’ ” คำนิยามที่แอดมินเพจนัดเป็ดคือ ‘นัดและบอส’ ได้อธิบายถึงเพจของพวกเขา จากวัยรุ่นทำงานในบริษัทเอเจนซี่ ที่ใช้เวลาว่าง ทำให้เรื่องไร้สาระ ไม่ไร้สาระแค่กับพวกเขา แต่เอามาผลิตเป็นคอนเท้นต์ เพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับลูกเพจ ตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา กับยอด Follower Fanpage หลักล้านคน
หลายๆคนต้องอยากรู้แน่เลยว่า ทำไมต้องชื่อ “นัดเป็ด” ?
นัด : คือเราชื่อนัด พ่อเราชื่อเป็ด (หัวเราะ) คนชื่อนัดในโลกมันเยอะ มันต้องมีคำสร้อย เลยหา Identity ตัดสินใจเอานัดเป็ด เพราะมีเพื่อนรู้ชื่อพ่อด้วย แต่ก่่อนเราเรียนอาร์ท ก็ใช้นามปากกว่านัดเป็ด เอาชื่อนามปากกมาทำเป็นชื่อเพจ
แรงบันดาลใจตัวการ์ตูน
นัด : แต่ก่อนเป็น illustrator ที่วาดรูปละเอียดมาก ใช้เวลานาน วันนึงก็แบบลองวาดง่ายๆใช้เวลาสั้นๆ วาดชุ่ยๆ แล้วก็ลองดูว่า เห้ย มันก็ใช้ได้เหมือนกัน เหมือนลดทอนตรงนี้ ตัดตรงนั้นออกไป
บอส : ความที่เรารีบทำ เลยได้ลายเส้นมาง่ายๆ ยิ่งตอนนั้นแอบทำในที่ทำงานด้วย อาจจะต้องรีบใช้เวลา (หัวเราะ)
นัด : จริงๆแล้วตัวละครของเราไม่มีชื่อ เพราะอยากให้ลูกเพจรู้สึกว่าตัวละครเนี่ยเป็นใครก็ได้ ก็จะมีหลักๆอยู่ 6 ตัว ส่วนตัวที่มาแจมบ้างก็มีแม่ค้ากับหมอ ตัวหมอเนี่ย เราก็ได้แรงบันดาลใจมาจากพ่อเรา (หัวเราะ)

อยากรู้ว่าโต๊ะทำงานนัดเป็ดเป็นยังไง?
นัด : มีอุปกรณ์แค่คอม เมาส์ปากกา ก็นัดเจอกัน ถือโอกาสกินข้าวและคุยงานกัน (โชว์วาดรูป) ก็มีแค่นี้แหละ ไม่ได้มีโต๊ะทำงานอะไรมากมาย
ทำเพจเป็นงานหลักเลยมั้ย?
บอส : ตอนแรกอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นก็แยกกัน เพราะมีการเปลี่ยนที่ทำงาน ก็นัดเจอกัน คุยกัน เหมือนนัดกินข้าวกันมากกว่าไม่ได้คุยงานจริงจังขนาดนั้น โดยที่ตัวเราก็ยังมีงานประจำอยู่ด้วย และทำเพจด้วย
นัด : เหมือนมีช่วงนึงรู้สึกว่าทำงานประจำคู่กับเพจไม่ได้แล้ว แต่ก่อนเรารู็สึกว่างานประจำเราไม่ได้มีหน้าที่ขนาดนั้น งานเพจก็ไม่ได้โตขนาดนั้น แต่ต่อมางานประจำมันก็ต้องโตขึ้น เพจก็โตขึ้น เลยคิดว่าจับปลาสองมือไม่น่าได้ เลยเลือกอยากทำอะไรให้สุดไปสักทาง เราเลยมาทำเพจ
บอส : พอเพจเริ่มโตขึ้นเนี่ย ความยากคือเราจะบาลานซ์ธุรกิจกับความสุขยังไง ต่อไปถ้ามีเรื่องเงินเข้ามา เราก็ต้องบริหาร หาจุดกึ่งกลางให้ได้ เราสองคนมีความสนุกสนานตลอดเวลา เอาเรื่องสนุกเข้ากับการขายของให้สนุก โดยไม่ดูฝืน มันเลยสนุกและมีความสุขที่ว่างานที่เราทำเป็นอาชีพได้ และอาชีพที่เราทำก็สนุก

เริ่มมีลูกค้าเข้ามาช่วงไหน นับตั้งแต่ที่ทำ?
บอส : ช่วงประมาณ 5 เดือนหลังจากเปิดเพจ พอเป็นลูกค้ามาแรกๆ ก็เหนื่อยนะ เพราะเรายังทำไม่เป็น ทั้งในแง่การคิดงาน ระบบภายใน แต่ก็มีคนคอยช่วยเหลือเยอะ มีที่ปรึกษา พี่ๆที่ทำเพจ เพื่อนๆ ต่อมาเราได้มารู้จักเพจอื่นๆ เริ่มจากเพจ ‘โดนไล่มาเล่นในนี้’ เขาก็ลากเราไปรู้จักกับเพจอื่นๆ เหมือนเป็น Community ของคนทำเพจเป็นครอบครัว ที่เราสามาถคุยและรึกษาได้ เราไม่ได้เข้าไปเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียว เราก็ไปเป็นเพื่อนกันจริงๆไปคุยกันเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องธุรกิจอย่างเดียว บางทีคิดมุกกันมาก็เอามาแชร์กัน
พอมีลูกค้าเข้ามา เราปรับยังไง ให้ทั้งขายของและเป็นตัวเรา?
นัด : เราก็พยายามทำให้เป็นตัวเองมากที่สุดนี่แหละ ก็คือเล่นมุกอะไรของเราไปเต็มที่
แต่ให้มีเมสเสจที่ลูกค้าอยากได้ด้วย และต้องพยายามทำให้ลูกเพจไม่รู้สึกว่ายัดเยียดมากเกินไป
บอส : เวลาในการโพสต์ของเรา ถ้าเป็นงานโฆษณา เราก็จะมีเวลาให้เขาเลือก คือช่วงเที่ยง และหนึ่งทุ่ม และก็จะไม่ให้ทับกับมุขปกติ เพราะแบรนด์บางแบรนด์เข้าเข้ามาดูตามฟีด ว่าการเข้าถึงโพสต์ของเพจเราเป็นอย่างไร ถ้าเขาเจอว่าโดนกลบ ก็ไม่โอเค
หาแรงบันดาลใจการคิดมุขมาจากไหน?
นัด : การคิดมุขไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ปิ๊งในหัว แต่มันมาจากประสบการณ์ ที่เราสั่งสมมาเรื่อยๆ เหมือนกับแต่ก่อนกว่าเราจะประกอบจิกซอว์ชิ้นนึงขึ้นมาได้ มันก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่พอเรามีประสบการณ์ เราก็จะมีทริค ที่สามารถเชื่อมโยงประสบการณ์ที่เราเคยเจอ มาสร้างงานชิ้นใหม่ได้
บอส : หรือบางทีเรามีมุขในคลังของเราไว้ เอามาลิ้งค์กับงานก็ได้

Process การโตของเพจเป็นอย่างไร?
นัด : ย้อนไปสองปีมาก่อน มีกรุ้ป นักวาดภาพประกอบ ตรงนี้จะรวมพวก illustrator เก่งๆ มาแสดงฝีมือ ตอนก่อนเราจะทำเพจ เราก็ทำงานด้านนี้ ก็แชร์งานลงกลุ่มอยู่แล้ว เหมือนมีสังคมให้เราแชร์ผลงาน คนในกลุ่มก็ช่วยกันแชร์ ถ้าเค้าชอบ
งานทำคอนเท้นที่ดีก็สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ‘คุณปล่อยของเป็นหรือเปล่า ถ้าคุณไม่มีหน้าร้าน สุดท้ายคนก็ไม่เห็นของดี’
การเคยทำงานเอจเจนซี่ ช่วยอะไรในงานทำเพจมั้ย?
บอส : ช่วยเยอะเลย เรื่องกระบวนการต่างๆ ตอนทำครีเอทีฟกับตอนทำเพจก็ไม่ต่างกัน เหมือนบรีฟที่เราเคยทำงานเอเจนซี่มาก่อนแล้ว เขามาจ้างเรา เหมือนจ้างครีเอทีฟคิดงานให้ เราก็จะรู้ว่าทำยังไให้ลูกค้าพอใจ เราก็ยึดแกนของครีเอทีฟด้วย
บอส : เราสองคนเป็นส่วนผสมที่ลงตัวด้วยนะ จากที่เคยทำงานด้วยกันมาก่อน คนนึงวาด มุขก็ช่วยกันคิด เราคอย manage ก็ช่วยกัน เราเคารพกัน สิ่งที่สำคัญของการทำเพจเป็นทีมคือ ให้ทะเลาะกันเยอะๆ ไม่ได้ด่ากันนะ แต่ให้คุยกัน มีอะไรอย่าเก็บไว้ ถ้ามุขนี้มันเสี่ยงก็คุยกัน ให้เหตุผลกัน สุดท้ายก็ตัดสินด้วยเหตุผล ไม่ได้โกรธกัน เราทะเลาะกันเพื่อให้งานออกมาดี
นัด : เอาข้อดีมาชนกันเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด ถ้ามีปัญหาแล้วเก็บไว้ สุดท้ายก็มีวันที่มันระเบิดอยู่ดี
แบ่งเวลาอย่างไร เพราะทำงานประจำด้วย?
บอส : ก็เต็มที่กับทุกอย่าง งานประจำก็ใกล้เคียงกับงานนี้ เรารู้สึกสนุกนะ เหมือนเราให้อันนี้เป็นงานอดิเรก งานที่ทำทุกวันนี้ก็สนุกอยู่ เราก็บาลานซ์ได้ การที่เราทำอะไรหลายๆอย่างเหมือนเป็นวัตถุดิบให้มาคิดมุข เพราะบางทีอยู่ในห้องคนเดียวอาจจะคิดไรไม่ออก แต่การได้ออกมาเจอผู้คนมันช่วยเราได้เยอะเลย

แผนในอนาคตจะเป็นไง?
นัด : ตอนนี้ก็ตั้งใจจะเปิดบริษัทคือ Modern Duck Group ที่อยากให้เพจนัดเป็ด เป็นตัวเริ่มต้นที่จะขยายตัวออกไป ใช้ความเป็นครีเอทีฟที่เราเคยทำ มาปรับให้เข้ากับคอนเท้นต์อื่นๆ
เราก็อยากขยายนัดเป็ด ไปแพลทฟอร์มอื่นๆ ตอนนี้เฟสบุ้คก็เริ่มมีปัญหาละ การที่เราจะกระโดดไปแพลทฟอร์มอื่นได้อีกก็ดีนะ หลังๆเรามาลองใช้ฟอร์แมตวิดิโอดู เราก็มองว่าไปยูทูปก็ได้ ไปทวิตเตอร์ ไอจีก็ได้
บอส : ข้อดีของนัดเป็ด คือเราไม่ได้ยึดติดกับฟอร์แมต เราไม่่ใช่แค่แฟนเพจนัดเป็ด แต่คอนเท้นท์ของเราสามารถไปอยู่ตรงไหนก็ได้ในแพลทฟอร์มอื่นๆ
ฝากอะไรถึงคนที่อยากเริ่มทำเพจ
เวลาทำเพจ เราอย่าคิดว่า จะต้องทำไอเดียแบบแรกตลอดไป มีบางเพจที่ทำมาตอนแรกไม่ปัง แต่พอเปลี่ยนไอเดีย เห้ย ปังว่ะ มันปรับเปลี่ยนได้
สิ่งที่ยากสำหรับคนอยากทำเพจ คือ ไม่ลองทำ อยากทำก็ทำไปเลย ลองไปเรื่อยๆ มันก็เหมือนทำแอพอ่ะ ที่แรกๆไม่มีแอพไหนสมบูรณ์ไปทุกอย่าง มันก็ต้องอัพเดตไปเรื่อยๆ
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ การทำให้เพจมี Identity เราต้อง สร้างความน่าจดจำ ภาพจำ คำจำ สุดท้ายแล้วประสบความสำเร็จของเพจคือ เวลาคนพูดถึง ก็จะอธิบายว่า “เห้ยรู้จักเพจนั้นว่า ที่มัน ...” ออกมาเป็นคำนิยามของเพจเราได้เลย
“สุดท้ายแล้วการทำเพจ มันไม่ใช่เรื่องเสียหาย เรารู้สึกว่ามันไม่มีต้นทุน ไม่เสียอะไร เราใช้แค่ความคิด คือมันเป็นสิ่งที่ใช้แล้วไม่หมดไป เราสามารถมีไอเดียอะไรออกมาได้เรื่อยๆ ถึงแม้ในตอนนี้คุณอาจจะมีงานอื่น อาชีพอื่นทำอยู่ แต่ทุกอาชีพ ทุกคนสามารถสร้าง โลกของคุณได้ด้วยสิ่งที่คุณถนัด”