Fashion Marketing: เปิดกระดานเบื้องหลังความงาม
เมื่อพูดถึงคำว่า “แฟชั่น” สิ่งที่เข้ามาเป็นสิ่งแรกนั้นคงหนีไม่พ้นการออกแบบที่วิจิตรและสวยหรู ทว่า ในแวดวงธุรกิจแฟชั่นนั้น กลับมีความซับซ้อนมากไปกว่าแค่คำว่า “ความงาม” เพราะเพียงแค่นั้นก็ไม่อาจสามารถเรียกให้ผู้บริโภคสนใจที่จะเป็นเจ้าของสินค้าเหล่านั้นได้มากพอ ดังนั้น เหล่าดีไซน์เนอร์จึงต้องหาทางที่จะทำให้สินค้าของพวกเขาโดดเด่นในสายตาผู้คน และทำให้ผู้คนอยากที่จะเป็นเจ้าของ ดังนั้น มันจึงเกิดความพยายามที่จะนำเสนอสินค้าเพื่อเรียกความสนใจของผู้บริโภค กลายมาเป็นศาสตร์เบื้องหลังการออกแบบ และเป็นส่วนสำคัญในด้านธุรกิจของแฟชั่น.. ที่เรียกว่า “การตลาดแฟชั่น” หรือ “แฟชั่น มาร์เก็ตติ้ง”

อะไรคือแฟชั่นมาร์เก็ตติ้ง?
การตลาดแฟชั่น (Fashion Marketing) และการจัดการแฟชั่น (Fashion Marketing Management) คือ ศาสตร์แห่งการโฆษณาแบรนด์และสินค้าแฟชั่น โดยใช้หลักการเดียวกับศาสตร์การตลาดอื่นๆ นั่นคือการวิจัยและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หลากหลาย และมองหาวิธีการนำเสนอสินค้าที่สร้างสรรค์มากพอให้ผู้บริโภคสนใจ
แต่สิ่งที่ทำให้แฟชั่นมาร์เก็ตติ้งกลายเป็นศาสตร์ที่มีความแตกต่างไปจากการตลาดในแบบอื่นๆ ก็คือความ “เร็ว” ของอุตสาหกรรมแฟชั่นนั่นเอง เพราะในขณะที่คุณกำลังรันแคมเปญให้กับสินค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วยแคมเปญที่มีรูปแบบซ้ำๆ แต่อุตสาหกรรมแฟชั่นกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ดังนั้น เหล่านักการตลาดแฟชั่นจึงต้องเกาะติดเทรนด์ใหม่ๆ ตลอดเวลา และคอยมองหาวิธีการสร้างสรรค์และโฆษณาสินค้าใหม่ในแบบที่แปลกตาอยู่เสมอ ดังนั้น นักการตลาดแฟชั่นจึงต้องมีทั้งความคิดสร้างสรรค์ และรู้จักกลุ่มเป้าหมายของตัวเองเป็นอย่างดี รวมถึงต้องคอยจับตามองธุรกิจแฟชั่นอยู่เสมออีกด้วย เราจึงสามารถกล่าวได้ว่าแฟชั่นมาร์เก็ตติ้งนั้น คือ การผสมผสานความสร้างสรรค์ของแฟชั่น ไปกับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อสร้างกำไรนั่นเอง
แฟชั่นมาร์เก็ตติ้งสำคัญยังไง?
ถึงแม้ว่านักการตลาดแฟชั่นนั้นจะไม่ใช่ดีไซน์เนอร์ แต่เหล่านักการตลาดเหล่านี้ ก็ยังมีอิทธิพลเหนือสินค้าและดีไซน์ของแบรนด์แฟชั่นต่างๆ อยู่ดี นั่นเป็นเพราะว่า พวกเขาต้องเข้าใจทั้งเรื่องเทรนด์ของแฟชั่น และเรื่องอิทธิพลของธุรกิจ ดังนั้น จึงต้องคอยมองว่าสไตล์แบบไหนกำลังมาแรง และสไตล์ไหนที่ตกรุ่นไปแล้ว แล้วจึงนำมาสร้างสรรค์ร่วมกันกับดีไซน์เนอร์ ดังนั้น แฟชั่นมาร์เก็ตติ้งจึงไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับการโปรโมตผลงานของดีไซน์เนอร์เท่านั้น แต่ความเป็นธุรกิจและเทรนด์การตลาด ยังส่งผลต่อดีไซน์ของความงดงามเหล่านั้นอีกด้วย

แล้วนักการตลาดแฟชั่นต้องทำอะไรบ้าง?
เหล่านักการตลาดแฟชั่นนั้นต้องเป็นทั้งคนที่ตื่นตัวและรู้จักตลาดเป็นอย่างดีตลอดเวลา รวมไปถึงต้องรู้จักการวางแผนการโฆษณาบนสื่อต่างๆ การสร้างสรรค์แบรนด์ การจัดสินค้าให้ดูน่าซื้อ การสร้างสรรค์งานโฆษณา และต้องรู้ว่าจะต้องถ่ายภาพอย่างไรให้คนในธุรกิจแฟชั่นให้ความสนใจ โดยมีความรับผิดชอบหลักๆ ดังนี้
1.วิเคราะห์และวิจัยตลาด
การรู้จักสินค้าของตัวเองนั้นถือเป็นก้าวแรกที่จำเป็นอย่างยิ่งในการทำการตลาด โดยเหล่านักการตลาดนั้นจะต้องทำการวิจัยเทรนด์แฟชั่นทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ รวมไปถึงต้องรู้จักชีวิตและพฤติกรรมของผู้คนที่อาจซื้อสินค้าแฟชั่นเหล่านั้น โดยการวิจัยตลาดนี้เป็นตัวสำคัญในการตัดสินว่าดีไซน์ของสินค้าจะมีทิศทางเป็นอย่างไรต่อไป
2.ออกแบบและพัฒนาแบรนด์
เหล่านักการตลาดแฟชั่นจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ไปพร้อมกันกับการวิจัยตลาด เพื่อสร้างงานโฆษณาซึ่งเรียกความสนใจจาหผู้บริโภค รวมถึงการจัดการแผนธุรกิจ เพื่อตัดสินใจการออกโฆษณา ซึ่งรวมไปถึงโฆษณาในหนังสือพิมพ์, นิตยสาร,โทรทัศน์ และในช่องทางดิจิตอลอย่างโซเชียลมีเดีย
3.กำหนดราคาและจัดจำหน่าย
ขั้นตอนนี้จัดว่าเป็นขั้นตอนสำคัญของการตลาดแฟชั่นเพราะมันรวมไปถึงการวิจัยและวิเคราะห์ว่าสินค้าของแบรนด์ จะถูกจัดวางไว้แบบไหนที่หน้าร้าน และจะถูกขายอย่างไรบนช่องทางออนไลน์
4.ปรากฏการณ์ที่เกิดจากการตลาดแฟชั่น
แฟชั่นไม่ได้มีเพียงแค่ความหรูหราเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงความงดงามที่เกิดขึ้นมาจากวัฒนธรรมที่อยู่รอบตัวผู้คน ดังนั้น เหล่าดีไซน์เนอร์จากรุ่นสู่รุ่น จึงมักหยิบเอาความเรียบง่ายรอบตัวขึ้นมาสร้างสรรค์เป็นผลงาน เช่น ในช่วงปีหลังๆ ที่ผ่านมา เหล่าแบรนด์หรูก็เริ่มต้นหยิบเอาป๊อบคัลเจอร์ เข้ามาใส่ในงานดีไซน์ของตนเอง เช่น Moschino ที่ใช้ทรงสเปรย์ปรับอากาศมาออกแบบเป็นขวดน้ำหอมราคาแพงของตนเองเมื่อปี 2013 และในปีเดียวกันแบรนด์หรูอย่าง Chanel เองก็ได้ใช้ทรงของเลโก้มาออกแบบเป็นกระเป๋าถือใบเล็ก แต่ที่เป็นที่พูดถึงกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Balenciaga ซึ่งใช้ดีไซน์เรียบของกระเป๋าอีเกียราคาถูก และทรงของกระเป๋าสำเพ็ง ให้ออกมาเป็นกระเป๋าราคาแพงบนรันเวย์
ซึ่งคนในวงการแฟชั่นต่างกล่าวว่าสิ่งนี้เป็นการตลาดที่ยอดเยี่ยม เพราะมันคือการหยิบใช้ความเรียบง่ายให้ออกมาเป็นสินค้าราคาหรู และไม่ได้สร้างความสนใจให้กับเพียงแค่กลุ่มเป้าหมายของตนเองเท่านั้น แต่รวมไปถึงทำให้ผู้คนทั่วไปพูดถึงแบรนด์และติดตามรันเวย์อย่างเป็นวงกว้างอีกด้วย
จึงสามารถกล่าวได้ว่า เบื้องหลังการเติบโตของแฟชั่นนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ดีไซน์ แต่รวมไปถึงการวางกลยุทธิ์ทางการตลาด และปรับตัวไปกับกระแสใหม่ๆ ในทุกๆ วัน อีกด้วย