Rap is Game!

หากพูดถึงวงการ Hip-Hop ในบ้านเรา คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Rap is Now ที่ตอนนี้เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จและได้มีโปรเจกต์ใหม่ นั้นก็คือ Rap is Now : The Ultimate League แต่เบื้องลึกเบื้องหลังของผู้ที่เริ่มก่อตั้งจากยอดผู้ติดตามหลักร้อยจนตอนนี้มีผู้ติดตามหลักล้านคน อะไรที่ผลักดันพวกเขามาถึงจุดนี้และทำให้ฮิปฮอป กลับมาสร้างกระแสอีกครั้ง
อะไรที่ทำให้เราเห็นว่าช่องทางออนไลน์จะมาเป็นสื่อกลางในการรันวงการฮิปฮอป ?
เรารู้สึกว่า มันไม่ต้องยื่นเซนเซอร์ ไม่ต้องเสียค่าแอร์ไทม์ ไม่ต้องไปขายใคร ทำอะไรที่อยากทำได้เหมือนพื้นที่ส่วนตัวประมาณนึง ช่วงแรก ๆ Rap is Now ก็จะบอกคนดูว่า “เราคือห้องใต้ดิน” ถ้าคุณอยากลงมาเอาอารมณ์นี้คุณลงมา แล้วเช้ามาคุณก็ขึ้นไปใช้ชีวิตปกติ ถ้าวันไหนรู้สึกว่ามันหยาบคายเกินไป คุณก็ไม่ต้องลงมา คุณเลือกได้ เราบอกด้วยซ้ำว่าผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานด้วย ‘เพราะกูไม่เกี่ยว กูทำของกู กูทำเล่น ๆ ของกู ทำดูกันเอง มึงก็ดูแลบุตรหลานด้วย’ (หัวเราะ) ถ้าเขาจะมาดูก็ให้ความเข้าใจเขาด้วย ตอนแรกคนกดไลค์ในเพจหลักร้อย แต่ตอนนี้เป็นล้านแล้ว เกิดจากอะไร? มันเป็นเพราะปรากฏการณ์พีรเดช คือรายการจะมีหัว มี title พูดเปิดแล้วค่อยเป็น battle ทีนี้น้องเค้าเอาแค่ตอน battle อย่างเดียวไปปล่อย เพราะคนเค้าอยากดูแค่นี้ก็เลยไปตัดออกเหมือนดูดคลิปเราไป วันเดียวคนดูหลายแสนคนเลย (หัวเราะ) ที่เราต้องมี title มี end credit เพราะว่าเราชอบทำให้มันจริงจัง เพราะเราเรียนด้านมีเดียมา แต่เราทำไวรัลแพ้น้อง ก็เลยทำให้คนรู้จักมากขึ้นไปตามแชร์คลิปเก่า ๆ เราเลยอัปคลิปตามพีรเดชเลย (หัวเราะ)

คิดว่าตอนนี้ Rap is Now ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน มีแพลนอยากทำอะไรต่อ ?
ตอนนี้เราก็เป็นเหมือนมูลนิธิฮิปฮอป คือเราทำธุรกิจไม่เป็น แต่ตอนนี้เราทำแพลตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกให้ทุกคนหมดเลย สามารถดังได้หมด แต่เงินไม่เข้าเรา คือเข้านะ แต่เพื่อให้เราไปรัน แพลตฟอร์มของเราต่อ คือเราเป็นเวทีที่เปิดให้ทุกคน ส่งเสริมทุกคน แต่ว่าลืมตัวเองไปนิดนึง มีการพัฒนา รู้เรื่องธุรกิจเพิ่มมากขึ้นไหม ? ครับ ต้องมีการปรับตัว เพราะทุกคนออกจากงานประจำมาทำตรงนี้ เราต้องเลี้ยงทีมให้ได้ ต้องจัดงาน เป็นความรักที่ต้องใช้เงิน แต่ก็มีความสุขเพราะได้มาเจอสังคม เจอน้อง ๆ คนที่เขาชอบ มันคือพื้นที่ที่สนุกสุดแล้วในชีวิตของเราและ Branding ของเราต้องชัด ปกติถ้าเราจะไปเจองานตามใจลูกค้า เราจะไม่อยากคุยเลย เช่น ช่วยแร็พประโยคนี้ได้ไหม เอาคำมาให้ เคยให้ไปจัดแร็พแบทเทิลเพื่อขายกางเกงยีนส์ กระดุมกี่เม็ด คือพอเราได้จัดงานเองทุกอย่าง เราช่วยกันตัดสินใจ วางมาตรฐานงานของเราไว้ คือพวกเราจะเเข็งประมาณนึง อันไหนไม่ได้ก็บอกไปว่าทำไม่ได้ เราจะไม่ฝืนใจทำ อันไหนตลก เฮฮาเกินไปเราก็จะไม่ทำ ต้องรักษาอิมเมจเป็นแบบเรา ไม่งั้นมันจะเละ และตัวตนของ Rap is Now จะหายไป เริ่มมามีลูกค้าเมื่อไหร่ ? ประมาณ season 2-3 ครับ season 1 คือควักเอง เราต้องดันภาพให้คนยอมรับ พูดถึงรายได้และรายจ่าย ยังไม่ balance กัน เพราะเราทุ่มไปเยอะ เรายอมเป็นหนี้เพื่อให้อิมเมจได้ สมมติงานไฟนอลใช้เงิน 2 ล้าน เราหาเงินได้แค่ล้านเดียว เป็นหนี้ล้านนึง ต้องทำงานอย่างอื่นมาช่วย เราทุ่มสุดตัว แต่เราก็พยามทำให้มันมั่นคงมีเสถียรภาพกันมากขึ้น หลังจากนี้จะต้องระวังตัว ถ้าสุดท้ายแพลตฟอร์มมันอยู่ได้ เราก็จะมั่นคง มั่งคั่ง ปีหน้าน่าจะสนุก

จริง ๆ แล้ว Rap is now ต้องการเป็นตัวกลางของวงการ Hip hop ในไทยใช่หรือไม่?
คือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เราเป็นรุ่นที่ต้องมานั่งอธิบายคนอื่น ว่ามันเท่ยังไง ดียังไง สนุกยังไง จนไม่อยากอธิบายเอง จนวันนึงเรามาเป็นคนทำ ก็อยากดูแลน้อง ๆ เพราะทุกคนเจอมาหมดแล้ว บางทีเข้าผับยังต้องจ่ายตังค์เข้าไปเล่น แต่ตอนนี้ทุกคนได้ทำการแสดง แต่ก่อนมีค่านิยมว่าเด็กฮิปฮอปต้องจน ไม่มี value ไม่มีใครฟัง กลัวว่าจะทำตัวเลอะเทอะ ทำของในร้านพัง ตอนนี้เราพยามสร้าง value ให้คนของเรามากที่สุด พอเขาทำเพลงแล้วมันดัง คนเปิดใจรับมากขึ้น อิมเมจถึง ค่าตัวมา เป็นลักษณะนั้น เราวางแผนไว้แล้ว เราต้องทำให้ดีที่สุด ควักเงินตัวเองกันมาให้โปรดักชั่นมันถึงที่สุด คิดว่าต่อไปวงการแร็พในบ้านเราจะเป็นยังไง ? เหมือนตอนนี้คนเปิดรับแล้ว ทั้ง underground และ rapper ทุกคนก็ผลักสิ่งที่มีออกไปหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับ upperground ว่าจะรับได้ไหม แต่จากสถานการณ์ที่เราทำงานกันอยู่ตอนนี้ เราเห็นว่า มีภาพใหญ่จะเอาด้วย เช่น The Rapper ของ Workpoint, Show Me The Money ของ True แล้วก็มีคอนเสิร์ตฮิปฮอปเริ่มมาถี่ขึ้น แสดงว่ามันมีแนวโน้มที่จะโตขึ้มาอีกจากที่เป็นอยู่ และเคยหายไปแล้วตอนนี้ เรามีเพลงฮิตข้ามวัน ข้ามเดือน ขึ้นท็อปชาร์ต เป็นปีแรก ๆ ที่ศิลปิน underground ทะลุชาร์ตของพวก JOOX ไปเบรคชาร์ตเค้าหมดเลย มีปรากฏการณ์หลาย ๆ อย่าง ฮิปฮอปมันเป็นอะไรที่ทั้งโลกไม่ใช่แค่บ้านเรา เพราะเราคาดการณ์ตั้งแต่ทำ season 1 แล้วว่าฮิปฮอปจะมาแน่นอนแต่ไม่มีใครเชื่อ แต่เพราะเราเห็นเทรนด์จากต่างประเทศว่า เมืองนอกกิน billboard แล้ว เกาหลีทั้งประเทศแล้ว พวกแฟชั่นด้วย street wear ที่มาจากสเก็ตพวกเด็กแนว ‘กูทายถูกตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ พึ่งมาซื้อกันปีนี้’ (หัวเราะ)

ล่าสุดเป็น Project Rap is now : The ultimate league เล่าให้ฟังหน่อยว่าทำไมถึงต้องทำรูปแบบใหม่ ทั้งที่ อันเก่า ๆ ก็ประสบความสำเร็จแล้ว?
งานนี้เป็นงานทดลอง ป๋าเต็ดเค้าชวนเราไปแสดงที่ Big Mountain Music Festival 2017 ผมมีประสบการณ์กับการทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ เคยทำ Channel ใหญ่คนดู 3-4 ล้านแล้วก็ล่ม แต่ก็ทำให้เรารู้ถึงธรรมชาติคนดูว่าหมด season แรกไปก็จะไม่ตื่นเต้นแล้ว season 2-3 เริ่มแผ่ว เคยเห็นแล้ว มันซ้ำต้องเปลี่ยน เราต้องไปไวกว่าคนดู อันนี้เลยเป็นงานทดลองอย่างที่บอก แร็พในสถานการณ์แปลก ๆ มีวิธีการมากขึ้น คนที่ดู Rap is Now อาจจะมองว่าใช้คำหยาบ อาจจะไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเนี่ยคิดเยอะมาก ต้องตัดสินใจตลอดเวลา สมมติรายการบูมขึ้นมา คนอยากทำงานด้วย เราทำ commercial, event concert อะไรที่ท้าทายเรารับหมดทุกอย่าง ถ้าอะไรที่เราทำได้ เรามองเห็นอนาคตว่าจะดี เราจะไม่หยุดแค่ Rap Battle อะไรที่รู้สึกว่าเป็นผลดีกับน้อง ๆ และวงการฮิปฮอป กลายเป็นว่าห้องใต้ดินของเราใหญ่ขึ้นมากตอนนี้ มันไม่ได้เป็นห้องเล็ก ๆ แล้ว ก็ต้องจริงจังขึ้น เพราะคนเยอะขึ้น ตอนนี้ศิลปินใน main stream ก็สนใจเอาแร็พเปอร์ไป featuring เยอะมาก ปีหน้ามาแน่ครับ

อยากฝากอะไรถึงคนที่มีความฝัน หรือ คนที่ต้องการเป็น Content Creator / Youtuber
ต้องลงมือทำครับ ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการลงมือทำเลย เช่น ผมอยากทำวงดนตรีพังก์ว่ะพี่ แต่คนอื่นไม่เข้าใจเลยไม่ทำดีกว่า ซึ่งมันไม่จริง เราเชื่อว่ามันเป็นประโยคที่ ‘มึงโคตรขี้แพ้อ่ะ’ เอาแต่นั่งด่าไปวัน ๆ ว่าเพลงกูทำเพื่ออุดมการณ์ขายไม่ได้ เพราะไม่มีคนเข้าใจ จริง ๆ แล้วแค่ไม่อยากทำเฉย ๆ บางคนยังอยู่ในโลกแห่งความฝันอยู่เลย พอคุณเอาความฝันมาทำเป็นความจริง คุณเจอธุรกิจ เจออุปสรรค คุณต้องสู้กับมันสิ ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ อยู่แล้ว ถ้าเราทำสิ่งที่ฝันแล้วทำให้อยู่ได้ด้วย มันไม่ดีหรอ กว่าจะมาเป็นแร็พเปอร์อย่างที่เห็นทุกวันนี้ทำกันมาไม่ต่ำกว่า 5ปี ลุยกันมามันไม่มีหรอกความฟลุ๊ค ทุกคนผ่านการเดินทาง ผ่านการฝึกซ้อมมาตลอด เล่นจนมันเป็นอวัยวะใหม่ขึ้นมา เหมือนนักกีฬา ถึงทำแล้วแป้กก็ห้ามเลิกทำ ตลอดการทำก็จะโดนดูถูกจนตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูถูก เขาเห็นว่าเราทำได้ ปีหน้ารับรองว่าสดใสแน่นอน และนี่คือเบื้องหลังและความตั้งใจของทีมผู้ก่อตั้งและทีมงาน เพียงเพื่อต้องการทำในสิ่งที่รัก และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่รักในสิ่งเดียวกัน ได้เข้ามาอยู่ร่วมเป็นครอบครัว ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ทำให้เราได้เห็นอีกมุมของความเป็น Rap is Now มุมที่ไม่ต้องมาแร็พแข่งกับใคร แค่แข่งกับตัวเองเท่านั้นพอ